1. ระบุอาการเบื้องต้น
  2. ตอบคำถาม
  3. ผลตรวจอาการ
  1. 1
  2. 2
  3. 3

มีอาการตัวร้อน หรือตรวจพบว่ามีไข้* และมีอาการซีด โลหิตจางร่วมด้วย
สาเหตุที่พบบ่อย : มาลาเรีย วัณโรคปอด ธาลัสซีเมีย ภาวะพร่องเอนไซม์ จี-6-พีดี
หมายเหตุ*
ใช้ปรอทวัดไข้ทางปาก มีค่ามากกว่า 37.2 องศาเซลเซียส (ตอนเช้า) หรือ 37.7 องศาเซลเซียส (ตอนบ่าย)
วัดไข้ทางรักแร้ มีค่ามากกว่า 36.7 องศาเซลเซียส (ตอนเช้า) หรือ 37.2 องศาเซลเซียส (ตอนบ่าย)
วัดไข้ทางหู หรือทางทวารหนัก มีค่ามากกว่า 37.7 องศาเซลเซียส (ตอนเช้า) หรือ 38.2 องศาเซลเซียส (ตอนบ่าย)

  • 1.

    จับไข้หนาวสั่นมาก หรือ ตาเหลือง (ดีซ่าน)?

  • 2.

    มีไข้เกิน 7 วัน ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วไป มีจุดแดงจ้ำเขียว มีเลือดออก (เช่น เลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน ถ่ายเป็นเลือด) หรือ น้ำหนักลดฮวบ?

    วิธีสังเกตอาการจุดแดงจ้ำเขียว: หากใช้นิ้วมือดึงรั้งผิวหนังในบริเวณที่มีผื่นหรือจุดให้ตึง ถ้าเป็นจุดแดงจ้ำเขียวจะไม่จางหาย แต่ถ้าจางหาย มักเป็นรอยผื่นของหัด หัดเยอรมัน ส่าไข้ จุดแดงรูปแมงมุม รอยยุงกัด หรือจุดของหลอดเลือดฝอยที่พองตัว

ควรไปพบแพทย์ ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจอาการเพิ่มเติม เนื่องจากอาการของคุณข้างต้นอาจเป็นสัญญาณของ มะเร็งเม็ดเลือดขาว, โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ, เล็ปโตสไปโรซิส, โลหิตเป็นพิษ, ไข้เลือดออก, เอสแอลอี, เยื่อบุหัวใจอักเสบ, ไทฟอยด์, เอดส์, วัณโรคปอด, เมลิออยโดซิส, บรูเซลโลซิส หรือโรคอื่น ๆ
หมายเหตุ
ผลตรวจอาการเบื้องต้นดังกล่าว เป็นเพียงอาการ ภาวะ หรือโรคที่พบได้บ่อยเท่านั้น เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ควรเข้ารับการตรวจอาการโดยตรงอีกครั้งจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานพยาบาล ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
มะเร็งเม็ดเลือดขาว
มะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลิวคีเมีย ก็เรียก) หมายถึง มะเร็งที่เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาววัยอ่อนในไขกระดูกมีการเจริญแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ และกลายเป็นเซลล์ผิดปกติ (ไม่สามารถเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวตัวแก่ที่ทำหน้าที่แบบเม็ดเลือดขาวปกติ และมีการแก่ตัวและเซลล์ตายช้ากว่าปกติ) สามารถแพร่กระจายแทรกซึมไปอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม กระดูก สมอง อัณฑะ ผิวหนัง รวมทั้งแทรกซึมในไขกระดูก ทำลายกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดในไขกระดูก ก่อให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จนเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้
 
มะเร็งเม็ดเลือดขาวมีอยู่หลายชนิด โดยหลัก ๆ แบ่งเป็น ชนิดเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากเซลล์วัยอ่อน (blast cell) มีอาการเกิดขึ้นฉับพลัน ลุกลามรวดเร็วและรุนแรง และชนิดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เริ่มเป็นตัวแก่ ลุกลามช้า และมีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป
 
หากแบ่งตามชนิดของเซลล์ต้นกำเนิดของโรค สามารถแบ่งเป็นเซลล์ที่จะเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (lymphocyte) และเซลล์ที่จะเจริญเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดอื่น รวมทั้งเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือด (myeloid cell/myelocyte)
 
มะเร็งเม็ดเลือดขาวจึงแบ่งเป็น 4 ชนิดใหญ่ ๆ  ได้แก่ acute lymphocytic (lymphoblastic) leukemia (ALL), acute myelogenous (myeloblastic) leukemia (AML), chronic lymphocytic leukemia (CLL) และ chronic myelocytic (myelogenous) leukemia (CML)
 
ทุกชนิดพบได้ในคนทุกวัย แต่อาจพบมากในเด็กหรือผู้ใหญ่แตกต่างกันดังนี้
  • ชนิด ALL พบมากในเด็กอายุ 2-5 ปี (พบได้ถึงร้อยละ 80 ของมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก) อาจพบในผู้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งอายุมากกว่า 65 ปี
  • ชนิด AML เป็นมะเร็งเม็ดเลือดที่พบได้มากที่สุด พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
  • ชนิด CLL พบบ่อยในผู้ใหญ่ และมีความชุกของโรคมากขึ้นตามอายุ พบมากในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี
  • ชนิด CML เป็นชนิดที่พบได้น้อย พบบ่อยในผู้ใหญ่อายุ 40-60 ปี พบได้น้อยในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี
โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ
ไขกระดูก (bone marrow) อยู่ในโพรงกระดูกทั่วร่างกายมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง (red blood cells) เม็ดเลือดขาว (white blood cells) และเกล็ดเลือด (platelets)
 
ในคนบางคนอาจเกิดภาวะผิดปกติของไขกระดูกเป็นเหตุให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดได้น้อยลง หรือไม่ได้เลยทั้ง 3 ชนิด เกิดภาวะโลหิตจาง (เพราะขาดเม็ดเลือดแดง) ติดเชื้อง่าย (เพราะขาดเม็ดเลือดขาว) และเลือดออกง่าย (เพราะขาดเกล็ดเลือด) เรียกว่า โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ หรือ โรคโลหิตจางอะพลาสติก
 
โรคนี้พบได้ค่อนข้างน้อย แต่เป็นภาวะที่มีอันตรายร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้ พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในกลุ่มวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว และผู้สูงอายุ
เล็ปโตสไปโรซิส/ไข้ฉี่หนู
เล็ปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้เป็นครั้งคราวในแทบทุกจังหวัด พบมากในคนที่มีอาชีพที่ต้องย่ำน้ำหรือแช่น้ำ เช่น ทำนา ทำสวน จับปลา เก็บขยะ ขุดท่อ เลี้ยงสัตว์ ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ทำเหมืองแร่ แม่บ้านที่เตรียมอาหารจากเนื้อสัตว์ นักท่องเที่ยวที่นิยมเที่ยวป่า น้ำตก ทะเลสาบ ว่ายน้ำในแหล่งน้ำจืด เป็นต้น
 
พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2.5 เท่า ส่วนใหญ่พบในกลุ่มอายุ 15-54 ปี
 
โรคนี้พบได้ประปรายตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีน้ำขัง หรือเกิดภาวะน้ำท่วม มีเชื้อโรคขังอยู่ในน้ำ เมื่อคนเดินลุยน้ำหรือลงแช่น้ำก็มีโอกาสได้รับเชื้อนี้ บางครั้งอาจพบมีการระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีภาวะน้ำท่วม
 
ในระยะหลังๆ นี้ พบผู้ป่วยเป็นโรคนี้กันมากทางภาคอีสาน เนื่องจากมีหนูชุกชุมตามท้องนา และมักจะเป็นชนิดรุนแรง ชาวบ้านเรียกว่า ไข้ฉี่หนู
โลหิตเป็นพิษ
โลหิตเป็นพิษ หมายถึง ภาวะที่เชื้อหรือพิษของแบคทีเรียแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดทั่วร่างกาย ถือเป็นภาวะที่มีอันตรายร้ายแรงมาก อาจทำให้เกิดภาวะช็อกถึงตายได้
ไข้เลือดออก

ไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยมากโรคหนึ่ง ซึ่งพบได้ในทุกกลุ่มอายุ พบมากสุดในกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี รองลงมา 15-24 ปี และ 0-4 ปีตามลำดับ

โรคนี้พบได้ตลอดทั้งปี และทั่วทุกภาค โดยจำนวนผู้ป่วยเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตอนต้นเดือนพฤษภาคม จนมีจำนวนสูงสุดในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูฝน แล้วเริ่มมีแนวโน้มลดลงตอนปลายเดือนตุลาคม โรคนี้มีแนวโน้มเกิดการระบาดปีเว้นปี หรือปีเว้น 2 ปี

เอสแอลอี
เอสแอลอี เป็นชื่อเรียกทับศัพท์ของอักษรย่อในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีคำเต็มว่า systemic lupus erythematosus

โรคนี้มักจะมีความผิดปกติของอวัยวะได้หลายระบบ (เช่น ผิวหนัง ข้อกระดูก ไต ปอด หัวใจ เลือด สมอง เป็นต้น) พร้อม ๆ กัน และอาจมีความรุนแรงทำให้พิการหรือตายได้

โรคนี้พบประปรายได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในช่วงอายุ 20-45 ปี และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 10 เท่า
เยื่อบุหัวใจอักเสบ
เยื่อบุหัวใจอักเสบ หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุผนังด้านในของหัวใจ (endocardium) ถือเป็นภาวะร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษา อาจตายได้รวดเร็ว โรคนี้พบมากในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
ไทฟอยด์/ไข้รากสาดน้อย

ไทฟอยด์ (ไข้ไทฟอยด์ ไข้เอนเทอริก ไข้รากสาดน้อย ก็เรียก) พบได้บ่อยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังที่ชาวบ้านรู้จักกันดีว่า ไข้หัวโกร๋น เพราะสมัยนั้นยังไม่มียารักษา เป็นไข้กันเป็นเดือนจนกระทั่งผมร่วง

 
พบได้ในทุกอายุ แต่จะพบมากในคนอายุ 10-30 ปี อาจพบว่ามีคนในละแวกใกล้เคียงเคยเป็นหรือกำลังเป็นโรคนี้ด้วย พบมากในฤดูร้อน แต่ก็พบได้ตลอดทั้งปี 
 
บางครั้งอาจพบระบาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท้องถิ่นที่การสุขาภิบาลยังไม่ดี 
 
ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่มีอาการแสดง แต่เป็นพาหะแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
เอดส์
โรคเอดส์/กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง (acquired immunodeficiency syndrome/AIDS) เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสเอชไอวี (human immunodeficiency virus/HIV) ซึ่งอยู่ในกลุ่ม retrovirus เชื้อนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะเข้าไปเจริญอยู่ในเม็ดเลือดขาวที่มีชื่อว่า "CD4 lymphocyte" (นิยมเรียกย่อ ๆ ว่า CD4)* และทำลายเม็ดเลือดขาวชนิดนี้ จนในที่สุดทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง เป็นผลทำให้เกิดมะเร็งบางชนิด และโรคติดเชื้อฉวยโอกาส (opportunistic infection ซึ่งเป็นการติดเชื้อรุนแรงจากเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งที่เป็นชนิดที่ก่อโรคในคนปกติทั่วไป และชนิดที่ปกติไม่ทำอันตรายต่อคนที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง)
 
*มีชื่อเรียกอื่น ได้แก่ T4-cell, T4-helper cells, T4-lymphocyte และ CD4 cell มีหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม
วัณโรคปอด
วัณโรคปอด หรือ ทีบี (TB ซึ่งย่อมาจาก tuberculosis) หรือโบราณเรียกว่าฝีในท้อง เป็นโรคติดเชื้อเรื้อรังของปอดที่สามารถแพร่ให้คนที่อยู่ใกล้ชิดได้ จัดว่าเป็นโรคติดต่อที่พบได้บ่อยชนิดหนึ่ง พบมากในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเอดส์ และผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ มักพบในคนที่ฐานะยากจน หรืออยู่กันอย่างแออัด
 
ในปัจจุบัน พบว่าวัณโรคกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีความร้ายแรงมากขึ้น และมีการดื้อยามากขึ้น
เมลิออยโดซิส

เมลิออยโดซิส เป็นโรคติดเชื้อรุนแรงที่พบได้ทั้งในคนและสัตว์ พบว่าประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้มากที่สุดในโลก และคาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นปีละ 2,000-3,000 ราย พบได้ทุกภาคของประเทศ แต่พบมากที่สุดทางภาคอีสาน

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 40-60 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.4 เท่า

ผู้ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อและเป็นโรคนี้ ได้แก่ เกษตรกร และผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการสัมผัสดินและน้ำ (เช่น ทหารที่ฝึกซ้อมในภาคสนาม หรือในการทำสงคราม)

ผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้มักมีโรคประจำตัวร่วมด้วย โดยเฉพาะเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง รวมทั้งผู้ที่มีประวัติดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้สตีรอยด์ติดต่อกันนาน ๆ

โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน (เดือนมิถุนายนถึงกันยายน)

โรคนี้อาจแสดงอาการได้หลายลักษณะ ทั้งเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการก็ได้ (ซึ่งเชื้อจะหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย ต่อมาภายหลังเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็จะมีอาการเกิดขึ้นได้)

นอกจากนี้ยังอาจมีอาการคล้ายโรคติดเชื้ออื่น ๆ (รวมทั้งโรคติดเชื้อร้ายแรง เช่น สแตฟีโลค็อกคัสออเรียส) วัณโรค และมะเร็งต่าง ๆ จึงได้ชื่อว่า ยอดนักเลียนแบบ

บรูเซลโลซิส

บรูเซลโลซิส (brucellosis/undulant fever/Mediterranean fever)* เป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงที่เกิดในสัตว์เลี้ยง (เช่น โค กระบือ แพะ แกะ อูฐ หมู) สุนัข สัตว์แทะ สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (วาฬ โลมา) สัตว์ป่า (กระบือป่า กระต่ายป่า สุนัขจิ้งจอก สุนัขป่า) ซึ่งสามารถติดต่อมาสู่คนได้

โรคนี้พบได้ประปราย ซึ่งมักพบในกลุ่มคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง (เช่น คนงานในโรงเลี้ยงสัตว์หรือโรงฆ่าสัตว์ สัตวแพทย์ สัตวบาล) หรือบริโภคเนื้อสัตว์และนมที่ติดเชื้อ

ในบ้านเรามีผู้รายงานผู้ป่วยโรคนี้จากการดื่มนมแพะ และการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะฟาร์มเลี้ยงแพะ) ในจังหวัดราชบุรี (ปี พ.ศ.2546) สตูล (ปี พ.ศ.2546-2547) และกาญจนบุรี (ปี พ.ศ.2548 และ 2549)
 

* โรคนี้มีความร้ายแรง มีการนำเชื้อบลูเซลลาไปผลิตเป็นอาวุธชีวภาพ เช่นเดียวกับแอนแทรกซ์