1. ระบุอาการเบื้องต้น
  2. ตอบคำถาม
  3. ผลตรวจอาการ
  1. 1
  2. 2
  3. 3

หน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ลิ้น ฝ่ามือ และเล็บ ซีดขาวพร้อมกันทุกส่วน อาจมีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย หน้ามืด วิงเวียน
สาเหตุที่พบบ่อย : โลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก ธาลัสซีเมีย โรคพยาธิปากขอ วัณโรค ภาวะไตวายเรื้อรัง ริดสีดวงทวาร

  • 1.

    บวม หายใจหอบ และนอนราบไม่ได้?

    วิธีสังเกตอาการ ตรวจดูอาการนอนราบไม่ได้: ให้ผู้ป่วยนอนหมอนใบเดียวดูว่ามีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบากหรือไม่ ถ้ามีลองให้ลุกนั่ง หรือพิงหมอนหลาย ๆ ใบว่าอาการดีขึ้นหรือไม่

  • 2.

    มีไข้ ?

  • 3.

    มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

    • มีบาดแผลเลือดออกหรือได้รับบาดเจ็บ?
    • ไอเป็นเลือด?
    • อาเจียนเป็นเลือด?
    • ปัสสาวะเป็นเลือด?
    • ถ่ายเป็นเลือด หรือเป็นริดสีดวงทวาร?
    • ถ่ายอุจจาระดำ?
    • เลือดออกทางช่องคลอด?
    • มีประจำเดือนออกมากทุกเดือน หรือกะปริดกะปรอยเรื้อรัง?

  • 4.

    เด็กเล็ก มีอาการเลือดออกง่าย-หยุดยาก? หรือ มีก้อนบวม ออกร้อนและปวดที่บริเวณข้อ/ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย?
     

    เด็กโต/ผู้ใหญ่ มีอาการดังกล่าวข้างต้น และ มีประวัติเลือดออกง่าย-หยุดยากมาตั้งแต่เล็ก?

  • 5.

    เท้าบวม หรือคลื่นไส้อาเจียน? ร่วมกับ ตรวจพบความดันโลหิตสูง หรือมีประวัติเป็นโรคไต/ความดันโลหิตสูง/เบาหวาน/ไขมันในเลือดสูงมานาน?

  • 6.

    มีจุดแดงรูปแมงมุมที่หน้าอก/ต้นแขน ฝ่ามือแดง? ร่วมกับ มีอาการอ่อนล้า/ท้องบวม/ดีซ่าน (ตาเหลือง)/มีประวัติดื่มแอลกอฮอล์จัด?

    วิธีสังเกตอาการจุดแดงรูปแมงมุม: พบจุดแดงของหลอดเลือดที่พองตัว ขนาด 2-5 มม.ตรงกลางสีแดงเข้ม และมีหลอดเลือดฝอยแตกออกโดยรอบคล้ายขาแมงมุม เวลาดึงรั้งผิวหนังให้ตึงจะจางหาย

  • 7.

    มีจุดแดงหรือจ้ำเขียวตามผิวหนัง?

    วิธีสังเกตอาการจุดแดงจ้ำเขียว: หากใช้นิ้วมือดึงรั้งผิวหนังในบริเวณที่มีผื่นหรือจุดให้ตึง ถ้าเป็นจุดแดงจ้ำเขียวจะไม่จางหาย แต่ถ้าจางหาย มักเป็นรอยผื่นของหัด หัดเยอรมัน ส่าไข้ จุดแดงรูปแมงมุม รอยยุงกัด หรือจุดของหลอดเลือดฝอยที่พองตัว

  • 8.

    ซีดเหลืองมาตั้งแต่เล็ก? ร่วมกับ การเติบโตพัฒนาการช้า หน้าตาแปลก ท้องบวม หรือม้ามโต (คลำได้ก้อนที่ใต้ชายโครงซ้าย)?

  • 9.

    ปวดท้อง?

  • 10.

    พบในหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่มีประจำเดือนออกมาก เด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้สูงอายุ คนยากจน คนที่เบื่ออาหารหรืองดกินเนื้อสัตว์มานาน? หรือ ตรวจพบเล็บอ่อนและแบน หรือเล็บเงยเป็นรูปช้อน?

ควรไปพบแพทย์ ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ
หมายเหตุ : อาการข้างต้นมีสาเหตุได้หลายประการ ซึ่งแพทย์จำเป็นต้องตรวจอาการเพิ่มเติม อาจมีสาเหตุจาก 
ริดสีดวงทวาร, โรคพยาธิปากขอ, เอสแอลอี, มะเร็ง หรือโรคอื่นๆ
หมายเหตุ
ผลตรวจอาการเบื้องต้นดังกล่าว เป็นเพียงอาการ ภาวะ หรือโรคที่พบได้บ่อยเท่านั้น เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ควรเข้ารับการตรวจอาการโดยตรงอีกครั้งจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานพยาบาล ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
ริดสีดวงทวาร
ริดสีดวงทวาร เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไปในบริเวณปลายลำไส้ใหญ่ (ไส้ตรง) และทวารหนักเกิดการบวม และโป่งพอง เป็นก้อน เรียกว่า "หัวริดสีดวง" แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว
 

ริดสีดวงทวารมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่

 

1. ริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) เกิดขึ้นตรงปากทวารหนัก จากที่หลอดเลือดใต้ผิวหนังเกิดการโป่งพอง ซึ่งมองเห็นจากภายนอกและสามารถคลำได้ 

 

2. ริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) เกิดตรงบริเวณที่อยู่ลึกขึ้นไปในทวารหนัก จากที่หลอดเลือดบริเวณนั้นเกิดการโป่งพอง ซึ่งมักมองไม่เห็นจากภายนอกและคลำไม่ได้ จะตรวจพบเมื่อใช้กล้องส่องตรวจ หรือพบในระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก

 

ริดสีดวงภายในแบ่งได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่ 

  • ระยะที่ 1 หัวริดสีดวงหลบอยู่ภายใน ไม่ยื่นออกมานอกทวารหนัก อาจมีเพียงอาการเลือดออกสด ๆ ขณะถ่ายอุจจาระ
  • ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ
  • ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เองหลังถ่ายอุจจาระ ต้องใช้มือดันกลับเข้าไป
  • ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงยื่นย้อยออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ และอาจรู้สึกปวด

 

ริดสีดวงทวาร อาจพบเป็นเพียงหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้ และอาจเป็นริดสีดวงทวารภายนอกร่วมกับริดสีดวงทวารภายในก็ได้

 

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทั่วไป พบเป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด และเมื่อยิ่งมีอายุมากขึ้นจะยิ่งพบได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบได้บ่อยในคนอายุมากกว่า 50 ปี เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายเริ่มอ่อนแอและมีการยืดตัว

 

โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูก หรือท้องเดินบ่อยครั้ง

 
 
พยาธิปากขอ

โรคพยาธิปากขอเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิปากขอ*ที่อยู่ตามพื้นดิน

โรคนี้พบได้ทุกภาคของประเทศ แต่จะพบในภาคใต้มากกว่าภาคอื่น ๆ มักพบในชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน และเด็ก ๆ ที่เดินเท้าเปล่าบนพื้นดิน หรือในเด็กที่ชอบเล่นคลุกดิน
 

*วงจรชีวิตของพยาธิปากขอ

พยาธิปากขอ (Ancylostoma duodenale และ Necator americanus) มีขนาดยาวประมาณ 1 ซม. เกาะอาศัยอยู่บนผนังลำไส้ และดูดเลือดจากบริเวณนั้น ไข่พยาธิจะหลุดออกมากับอุจจาระ ซึ่งจะเจริญเติบโตบนพื้นดินที่ชื้นและมีความอุ่น พยาธิตัวอ่อนที่ฟักตัวบนดินจะไชเข้าทางผิวหนังของคนที่เดินผ่านไปมาหรือเด็กที่เล่นคลุกดิน เข้าไปในกระแสเลือด ไปยังหัวใจและปอด จากปอดพยาธิจะเคลื่อนตัวขึ้นมาที่หลอดลมจนถึงคอหอย แล้วจะถูกกลืนลงหลอดอาหารเข้าไปในกระเพาะและลำไส้เล็ก แล้วเจริญเป็นตัวแก่ต่อไปในลำไส้เล็ก นอกจากนี้ ถ้ากินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนพยาธิตัวอ่อนระยะติดต่อ พยาธิอาจไชผ่านเยื่อบุในปากและเข้ากระแสเลือดได้เช่นกัน

 

วงจรชีวิตพยาธิปากขอ
เอสแอลอี
เอสแอลอี เป็นชื่อเรียกทับศัพท์ของอักษรย่อในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีคำเต็มว่า systemic lupus erythematosus

โรคนี้มักจะมีความผิดปกติของอวัยวะได้หลายระบบ (เช่น ผิวหนัง ข้อกระดูก ไต ปอด หัวใจ เลือด สมอง เป็นต้น) พร้อม ๆ กัน และอาจมีความรุนแรงทำให้พิการหรือตายได้

โรคนี้พบประปรายได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในช่วงอายุ 20-45 ปี และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 10 เท่า
มะเร็ง

มะเร็ง* เป็นเนื้องอกชนิดร้ายที่กลายมาจากเนื้อเยื่อปกติของร่างกาย มีการเจริญเติบโตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว อยู่เหนือการควบคุมของร่างกาย และทำลายอวัยวะต่าง ๆ เกิดอาการเจ็บป่วยและภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่าง ๆ

เซลล์และเนื้อเยื่อแทบทุกส่วนของร่างกายอาจกลายเป็นมะเร็งได้ แต่ที่พบบ่อย ได้แก่ ตับ ปอด ปาก มดลูก เต้านม ลำไส้ใหญ่ ช่องปาก ผิวหนัง รังไข่ ต่อมลูกหมาก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร เม็ดเลือดขาว ต่อมน้ำเหลือง ไทรอยด์

ส่วนใหญ่พบในคนอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป แต่ก็อาจพบในเด็ก และคนหนุ่มสาวได้ 

ในปัจจุบันมะเร็งเป็นสาเหตุการตายในอันดับแรก ๆ ของคนไทย
 

*มีชื่อเรียกอื่น ได้แก่ เนื้อร้าย เนื้องอกชนิดร้าย carcinoma, malignant tumor