1. ระบุอาการเบื้องต้น
  2. ตอบคำถาม
  3. ผลตรวจอาการ
  1. 1
  2. 2
  3. 3

ตกขาว หมายถึง อาการที่มีของเหลว (ที่ไม่ใช่เลือด) ไหลออกมาจากช่องคลอดผู้หญิง อาจมีลักษณะใส ไม่มีกลิ่น หรือขาวข้นเหมือนแป้งเปียก หรือมีสีเหลืองหรือเขียว อาจมีกลิ่นเหม็นหรือมีอาการคัน
คันในช่องคลอด หมายถึง มีอาการคันในช่องคลอดหรือปากช่องคลอด ซึ่งอาจมีตกขาวร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
สาเหตุที่พบบ่อย : ตกขาวธรรมดา ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อทริโคโมแนส โรคพยาธิเส้นด้าย

  • 1.

    ตกขาวมีลักษณะเป็นสีเหลืองหรือเขียว และมีกลิ่นเหม็น?

  • 2.

    มีไข้?

ควรไปพบแพทย์ ภายใน 2-3 วัน เพื่อตรวจอาการเพิ่มเติม เนื่องจากอาการของคุณข้างต้นอาจเป็นสัญญาณของ หนองใน, ปีกมดลูกอักเสบ เยื่อบุมดลูกอักเสบ หรือโรคอื่น ๆ
หมายเหตุ
ผลตรวจอาการเบื้องต้นดังกล่าว เป็นเพียงอาการ ภาวะ หรือโรคที่พบได้บ่อยเท่านั้น เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ควรเข้ารับการตรวจอาการโดยตรงอีกครั้งจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานพยาบาล ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
หนองใน

หนองใน (โกโนเรีย ก็เรียก) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (กามโรค) ที่พบได้มากเป็นอันดับแรก ๆ ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์*

 

 
 
*ในที่นี้มักหมายถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 ชนิด ซึ่งพบเรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ (1) หนองใน (2) ซิฟิลิส (3) หนองในเทียม (4) แผลริมอ่อน (5) ฝีมะม่วง
ปีกมดลูกอักเสบ เยื่อบุมดลูกอักเสบ
ปีกมดลูกอักเสบ (salpingitis) หมายถึง การอักเสบของท่อรังไข่

เยื่อบุมดลูกอักเสบ (endometritis) หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุภายในโพรงมดลูก (โพรงมดลูกอักเสบ มดลูกอักเสบ ก็เรียก)

ทั้ง 2 โรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผ่านช่องคลอดเข้าไปทางปากมดลูก ขึ้นไปในโพรงมดลูก (ทำให้เยื่อบุมดลูกอักเสบ) และถ้าหากลุกลามต่อไปในท่อรังไข่และรังไข่ ก็ทำให้กลายเป็นปีกมดลูกอักเสบ (ซึ่งอาจเกิดกับปีกมดลูกทั้ง 2 ข้างหรือข้างใดข้างหนึ่ง) หากไม่รักษาเชื้ออาจแพร่กระจายไปบริเวณข้างเคียงในระบบสืบพันธุ์ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ 

ทั้ง 2 โรคนี้บางครั้งจึงอาจพบร่วมกันจนแยกจากกันไม่ออก และมักจะเรียกรวม ๆ กันว่า อุ้งเชิงกรานอักเสบ (pelvic inflammatory disease/PID) ซึ่งครอบคลุมถึงการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ และเยื่อบุช่องท้องภายในอุ้งเชิงกราน โรคนี้บางคนอาจเป็นโดยไม่รู้ตัวเพราะไม่มีอาการ ส่วนผู้ที่มีอาการอาจมีอาการแบบเฉียบพลัน (มีไข้ ปวดท้องรุนแรง) หรือแบบเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ได้ครบถ้วนตามที่แพทย์แนะนำ และอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย

โรคนี้พบบ่อยในผู้หญิงที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และอาจพบในผู้หญิงที่คลอดบุตร แท้งบุตร ขูดมดลูก ใส่ห่วงคุมกำเนิด หรือชอบสวนล้างช่องคลอดเอง