- ระบุอาการเบื้องต้น
- ตอบคำถาม
- ผลตรวจอาการ
- 1
- 2
- 3
อาการปวดเจ็บ ปวดหน่วง หรือปวดบิดเป็นพัก ๆ ที่บริเวณท้องน้อย (ระดับใต้สะดือลงมาที่หัวหน่าว) ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุประมาณ 12 ปี (เริ่มมีประจำเดือน) ถึง 50 ปี (วัยหมดประจำเดือน)
สาเหตุที่พบบ่อย : ปวดประจำเดือน กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ นิ่วท่อไต ปีกมดลูกอักเสบ ครรภ์นอกมดลูก

- 1.
มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ปวดรุนแรง?
- หน้าท้องเกร็งแข็ง?
- ปวดติดต่อกันนานเกิน 6 ชั่วโมง?
- เหงื่อออก หน้าซีด ตัวเย็น?
- ความดันต่ำและชีพจรเบาเร็ว?
- 2.
ขัดเบา ท้องเดิน ตกขาว หรือ เลือดออกทางช่องคลอด?
- 3.
มีไข้?
- 4.
ปวดบิดเป็นพักๆ?
- 5.
ครรภ์แก่และมีลักษณะแบบปวดท้องคลอด?
- 6.
ปวดตรงท้องน้อยหรือสีข้าง และปวดร้าวไปที่ช่องคลอดข้างเดียวกัน?
- 7.
ปวดเวลามีประจำเดือน?
- 8.
ปวดรุนแรง มีประจำเดือนออกมาก หรือกะปริดกะปรอย หรือ มีบุตรยาก?

หมายเหตุ
ผลตรวจอาการเบื้องต้นดังกล่าว เป็นเพียงอาการ ภาวะ หรือโรคที่พบได้บ่อยเท่านั้น เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ควรเข้ารับการตรวจอาการโดยตรงอีกครั้งจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานพยาบาล ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
เนื้องอกมดลูก
เนื้องอกมดลูก (Myoma uteri/Uterine fibroids)* เป็นเนื้องอกชนิดธรรมดา ไม่ใช่เนื้อร้าย (มะเร็ง) ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 25 ของผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มักพบในผู้หญิงอายุ 35-45 ปี แต่อาจพบในหญิงสาวก็ได้
เนื้องอกอาจมีขนาดต่าง ๆ กันไป อาจเป็นก้อนเดียวหรือหลายก้อนก็ได้ บางชนิดโตช้า แต่บางชนิดโตเร็ว
อาจเกิดอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก (ซึ่งเป็นเนื้องอกของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อล้วน ๆ เรียกว่า “Myomauteri”) ซึ่งอาจงอกเข้าไปในโพรงมดลูก หรืออยู่ที่ผนังด้านในหรือด้านนอกของมดลูก (ซึ่งเป็นเนื้องอกของเนื้อเยื่อพังผืดผสมกับเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ เรียกว่า “Uterine fibroid”) ซึ่งอาจงอกเข้าไปในช่องท้อง

* มีชื่อเรียกอื่น เช่น leiomyoma. fibromyoma
เยื่อบุมดลูกต่างที่/เอ็นโดเมทริโอซิส (ช็อกโกแลตซีสต์)
เยื่อบุที่อยู่บนผิวในโพรงมดลูก เรียกว่า เยื่อบุมดลูก (endometrium)
เยื่อนี้จะงอกหนาและมีเลือดคั่ง แล้วสลายตัวเป็นเลือดประจำเดือนทุก ๆ เดือน ในผู้หญิงบางคนอาจมีเศษเยื่อบุมดลูกบางส่วนไปงอกผิดที่หรือต่างที่ เช่น ไปอยู่ในผนังกล้ามเนื้อมดลูก หรืออยู่ในรังไข่ หรือที่พบได้น้อยอาจไปงอกที่ท่อรังไข่ ช่องคลอด สำไส้ หรือตรงแผลเป็นหลังผ่าตัด เรียกว่า เยื่อบุมดลูกต่างที่ (เยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่ก็เรียก)
โรคนี้พบได้ประมาณร้อยละ 10-15 ของผู้หญิง อายุระหว่าง 25-44 ปี และพบมากในผู้หญิงที่ไม่มีบุตร ซึ่งพบได้ประมาณ 3-4 เท่าของผู้หญิงที่มีบุตร
ส่วนมากจะไม่มีอันตรายร้ายแรง ส่วนน้อยอาจรุนแรงจนต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ภาวะนี้มักเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมีบุตรยาก

ปีกมดลูกอักเสบ เยื่อบุมดลูกอักเสบ
ปีกมดลูกอักเสบ (salpingitis) หมายถึง การอักเสบของท่อรังไข่
เยื่อบุมดลูกอักเสบ (endometritis) หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุภายในโพรงมดลูก (โพรงมดลูกอักเสบ มดลูกอักเสบ ก็เรียก)
ทั้ง 2 โรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผ่านช่องคลอดเข้าไปทางปากมดลูก ขึ้นไปในโพรงมดลูก (ทำให้เยื่อบุมดลูกอักเสบ) และถ้าหากลุกลามต่อไปในท่อรังไข่และรังไข่ ก็ทำให้กลายเป็นปีกมดลูกอักเสบ (ซึ่งอาจเกิดกับปีกมดลูกทั้ง 2 ข้างหรือข้างใดข้างหนึ่ง) หากไม่รักษาเชื้ออาจแพร่กระจายไปบริเวณข้างเคียงในระบบสืบพันธุ์ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้
ทั้ง 2 โรคนี้บางครั้งจึงอาจพบร่วมกันจนแยกจากกันไม่ออก และมักจะเรียกรวม ๆ กันว่า อุ้งเชิงกรานอักเสบ (pelvic inflammatory disease/PID) ซึ่งครอบคลุมถึงการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ และเยื่อบุช่องท้องภายในอุ้งเชิงกราน โรคนี้บางคนอาจเป็นโดยไม่รู้ตัวเพราะไม่มีอาการ ส่วนผู้ที่มีอาการอาจมีอาการแบบเฉียบพลัน (มีไข้ ปวดท้องรุนแรง) หรือแบบเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ได้ครบถ้วนตามที่แพทย์แนะนำ และอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
โรคนี้พบบ่อยในผู้หญิงที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และอาจพบในผู้หญิงที่คลอดบุตร แท้งบุตร ขูดมดลูก ใส่ห่วงคุมกำเนิด หรือชอบสวนล้างช่องคลอดเอง
เยื่อบุมดลูกอักเสบ (endometritis) หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุภายในโพรงมดลูก (โพรงมดลูกอักเสบ มดลูกอักเสบ ก็เรียก)
ทั้ง 2 โรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผ่านช่องคลอดเข้าไปทางปากมดลูก ขึ้นไปในโพรงมดลูก (ทำให้เยื่อบุมดลูกอักเสบ) และถ้าหากลุกลามต่อไปในท่อรังไข่และรังไข่ ก็ทำให้กลายเป็นปีกมดลูกอักเสบ (ซึ่งอาจเกิดกับปีกมดลูกทั้ง 2 ข้างหรือข้างใดข้างหนึ่ง) หากไม่รักษาเชื้ออาจแพร่กระจายไปบริเวณข้างเคียงในระบบสืบพันธุ์ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้
ทั้ง 2 โรคนี้บางครั้งจึงอาจพบร่วมกันจนแยกจากกันไม่ออก และมักจะเรียกรวม ๆ กันว่า อุ้งเชิงกรานอักเสบ (pelvic inflammatory disease/PID) ซึ่งครอบคลุมถึงการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ และเยื่อบุช่องท้องภายในอุ้งเชิงกราน โรคนี้บางคนอาจเป็นโดยไม่รู้ตัวเพราะไม่มีอาการ ส่วนผู้ที่มีอาการอาจมีอาการแบบเฉียบพลัน (มีไข้ ปวดท้องรุนแรง) หรือแบบเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ได้ครบถ้วนตามที่แพทย์แนะนำ และอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
โรคนี้พบบ่อยในผู้หญิงที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และอาจพบในผู้หญิงที่คลอดบุตร แท้งบุตร ขูดมดลูก ใส่ห่วงคุมกำเนิด หรือชอบสวนล้างช่องคลอดเอง