1. ระบุอาการเบื้องต้น
  2. ตอบคำถาม
  3. ผลตรวจอาการ
  1. 1
  2. 2
  3. 3

มีอาการตัวร้อน หรือตรวจพบว่ามีไข้* และมีอาการหอบ (หายใจถี่ หายใจขัด หายใจลำบาก จมูกบาน คอบุ๋ม ซี่โครงบุ๋ม) หรือหายใจเร็วกว่าปกติ** ร่วมด้วย
สาเหตุที่พบบ่อย : ปอดอักเสบ ครู้ป หืด ถุงลมปอดโป่งพอง
หมายเหตุ
*ใช้ปรอทวัดไข้ทางปาก มีค่ามากกว่า 37.2 องศาเซลเซียส (ตอนเช้า) หรือ 37.7 องศาเซลเซียส (ตอนบ่าย)
วัดไข้ทางรักแร้ มีค่ามากกว่า 36.7 องศาเซลเซียส (ตอนเช้า) หรือ 37.2 องศาเซลเซียส (ตอนบ่าย)
วัดไข้ทางหู หรือทางทวารหนัก มีค่ามากกว่า 37.7 องศาเซลเซียส (ตอนเช้า) หรือ 38.2 องศาเซลเซียส (ตอนบ่าย)
**สำหรับเด็กเล็กมีเกณฑ์ดังนี้: อายุ 0-2 เดือน หายใจมากกว่า 60 ครั้ง/นาที อายุ 2 เดือน-1 ปี มากกว่า 50 ครั้ง/นาที อายุ 1-5 ปี มากกว่า 40 ครั้ง/นาที
ข้อพึงระวัง ในช่วงที่มีการระบาดของโรคอุบัติใหม่ (เช่น โรคโควิด 19) หากมีอาการเป็นไข้ หรือ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย หรือ เดินทางกลับจากประเทศหรือพื้นที่ที่มีการระบาด ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

  • 1.

    น้ำหนักลดฮวบ หรือ มีไข้นานเป็นสัปดาห์ๆ หรือเป็นเดือนๆ ?

  • 2.

    มีอาการแน่นหน้าอกข้างหนึ่ง/เจ็บแปลบที่หน้าอกข้างหนึ่งเวลาหายใจเข้าลึกๆ ? ร่วมกับ ตรวจพบหลอดลมใหญ่เบี้ยวไปอีกข้าง (ตรงข้ามกับข้างที่มีอาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก) /หน้าอกข้างที่มีอาการเคาะทึบกว่าอีกข้าง?

  • 3.

    ไอเสียงก้อง และ หายใจเข้ามีเสียงดังฮื้ด?

  • 4.

    หายใจมีเสียงดังวี้ดๆ ? หรือ พ่นหรือฉีดยาขยายหลอดลมแล้วทุเลา?

  • 5.

    มีประวัติไอเรื้อรัง เป็นโรคหืด ถุงลมปอดโป่งพอง หรือหลอดลมพองมาก่อน?

ควรไปพบแพทย์ด่วน เพื่อตรวจอาการเพิ่มเติม เนื่องจากอาการของคุณข้างต้นอาจเป็นสัญญาณของ หืด, ถุงลมปอดโป่งพอง, หลอดลมพองที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อน หรือโรคอื่น ๆ
หมายเหตุ
ผลตรวจอาการเบื้องต้นดังกล่าว เป็นเพียงอาการ ภาวะ หรือโรคที่พบได้บ่อยเท่านั้น เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ควรเข้ารับการตรวจอาการโดยตรงอีกครั้งจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานพยาบาล ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
หืด
หืด เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังชนิดหนึ่ง  ซึ่งมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นเนื่องจากหลอดลมตีบเป็นครั้งคราว  ทำให้มีอาการหายใจหอบเหนื่อย เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง  ส่วนมากมักจะไม่มีอันตรายร้ายแรง  ยกเว้นในรายที่เป็นมากหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง  ก็อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร  หรือมีอันตรายถึงตายได้
 
โรคนี้พบได้บ่อยในคนทุกวัย  มีความชุกสูงสุดในช่วงอายุ 10-12 ปี  ส่วนใหญ่มักมีอาการเกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่อายุก่อน 5 ปี  ส่วนน้อยที่เกิดขึ้นครั้งแรกในวัยหนุ่มสาวและวัยสูงอายุ 
 
ในบ้านเราเคยมีการสำรวจนักเรียนในกรุงเทพฯ  พบว่ามีความชุกของโรคนี้ประมาณร้อยละ 4-13
 
ในวัยเด็ก (ก่อนวัยหนุ่มสาว) พบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงประมาณ 1.5-2 เท่า
 
ทั่วโลกพบว่าโรคนี้มีแนวโน้มเกิดมากขึ้นในทุกประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองที่มีสิ่งแวดล้อม (ได้แก่ มลพิษและสารก่อภูมิแพ้) และวิถีชีวิตที่ส่งเสริมให้เกิดโรคนี้
ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ถุงลมปอดโป่งพอง
ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง หมายถึงภาวะที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากโรคเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีอยู่หลายโรค ที่สำคัญได้แก่ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังและถุงลมปอดโป่งพอง ทั้ง 2 โรคนี้มักจะพบร่วมกัน ทำให้มีการลดลงของอัตราการไหลเวียนของลมหายใจผ่านปอดขณะหายใจออก จึงมีอากาศคั่งค้างอยู่ในปอดมากกว่าปกติ ประกอบกับการแลกเปลี่ยนอากาศขึ้นได้น้อยกว่าปกติ (มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำลง และระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงขึ้น) เป็นเหตุให้ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยง่าย 
 
หลอดลมอักเสบเรื้อรัง หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลม ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องเรื้อรัง เป็นผลมาจากการถูกสารพิษในบุหรี่หรือสิ่งระคายเคือง ทำให้ขนอ่อน (cilia) พิการ ไม่สามารถโบกพัดเพื่อขจัดเชื้อโรคและสิ่งระคายเคืองออกไป เมื่อเยื่อบุหลอดลมเกิดการอักเสบเรื้อรัง ก็จะทำให้เซลล์เยื่อบุหลอดลมมีการเพิ่มจำนวนและหนาตัวขึ้น รวมทั้งต่อมเมือก (mucous glands) บวมโตและหลั่งเมือก (เสมหะ) ออกมากกว่าปกติ จนทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง เกิดภาวะอุดกั้นขึ้น แพทย์จะวินิจฉัยว่าเป็นหลอดลมอักเสบเรื้อรัง เมื่อพบว่าผู้ป่วยมีอาการไอมีเสมหะมากติดต่อกันทุกวันปีละมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ปี
 
ถุงลมปอดโป่งพอง (ถุงลมพอง ก็เรียก) หมายถึง ภาวะพิการอย่างถาวรของถุงลมในปอด ปกติถุงลมอยู่ปลายสุดของปอด ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนล้าน ๆ ถุง เป็นถุงอากาศเล็ก ๆ มีหลอดเลือดหุ้มอยู่โดยรอบ เป็นที่ซึ่งเกิดการแลกเปลี่ยนอากาศ กล่าวคือ ก๊าชออกซิเจนในถุงลมซึมผ่านผนังถุงลมและหลอดเลือดเข้าไปในกระแสเลือดและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระแสเลือด ซึมกลับออกมาในถุงลม ถุงลมที่ปกติจะมีผนังที่ยืดหยุ่น ทำให้ถุงลมหดและขยายตัวได้คล้ายฟองน้ำ ซึ่งช่วยให้การแลกเปลี่ยนอากาศเป็นไปอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมปอดโป่งพอง จะมีผนังถุงลมที่เสียความยืดหยุ่นและเปราะง่าย ทำให้ถุงลมสูญเสียหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนอากาศ นอกจากนี้ผนังของถุงลมที่เปราะยังมีการแตกทะลุ ทำให้ถุงลมขนาดเล็ก ๆ หลาย ๆ อันรวมตัวเป็นถุงลมที่โป่งพองและพิการ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ จำนวนพื้นผิวของถุงลมที่ยังทำหน้าที่ได้ทั้งหมดลดน้อยลงกว่าปกติ ทำให้ออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง เกิดอาการเหนื่อยหอบง่าย
 
ทั้ง 2 โรคนี้มักจะเกิดร่วมกัน จนบางครั้งแยกกันไม่ออก พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หลอดลมอักเสบเรื้อรังจะพบมากในช่วงอายุ 30-60 ปี ส่วนถุงลมปอดโป่งพองพบมากในช่วงอายุ 45-65 ปี ส่วนใหญ่จะมีประวัติสูบบุหรี่จัด (มากกว่าวันละ 20 มวน) มานานเป็น 10-20 ปีขึ้นไป หรือไม่ก็มีประวัติอยู่ในที่ที่มีอากาศเสีย สูดควันเป็นประจำ หรือมีอาชีพทำงานในโรงงาน หรือเหมืองแร่ที่หายใจเอาสารระคายเคืองเข้าไปเป็นประจำ
 
ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง,หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
หลอดลมพอง
หลอดลมพอง (โบราณเรียกว่า มองคร่อ) หมายถึง ภาวะที่หลอดลมบางส่วนเกิดการขยายตัว (โป่งพอง) กว้างขึ้นกว่าปกติอย่างถาวร ซึ่งเป็นผลมาจากผนังหลอดลมถูกทำลาย ทำให้มีการติดเชื้อบ่อย เกิดอาการไอมีเสมหะเรื้อรัง
 
ภาวะนี้อาจเกิดกับหลอดลมเพียง 1-2 แห่ง หรือหลายแห่งก็ได้ มักเกิดกับหลอดลมขนาดกลางเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งก็อาจเกิดกับหลอดลมขนาดเล็ก ซึ่งจะถูกทำลายกลายเป็นแผลเป็น ถ้าเกิดกับหลอดลมขนาดใหญ่มักสัมพันธ์กับโรคเชื้อราแอสเปอจิลลัสของทางเดินหายใจ (allergic bronchopulmonary aspergillosis) 
 
โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย แต่พบมากในช่วงอายุ 20-40 ปี
 
บางรายอาจพบร่วมกับโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ถุงลมปอดโป่งพอง หรือหืด