1. ระบุอาการเบื้องต้น
  2. ตอบคำถาม
  3. ผลตรวจอาการ
  1. 1
  2. 2
  3. 3

มีอาการหายใจขัดหรือลำบาก หายใจถี่เร็ว หายใจลึก หรือหายใจแรง อาจเห็นรูจมูกบาน คอบุ๋ม ช่องซี่โครงบุ๋ม หรือปากเขียว เล็บเขียว หรือรู้สึกเหนื่อยง่ายเวลาออกแรงเพียงเล็กน้อย
สาเหตุที่พบบ่อย : หืด ปอดอักเสบ ภาวะหัวใจวาย ถุงลมปอดโป่งพอง กลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน
ถ้ารู้สึกอ่อนเพลียโดยไม่มีอาการหอบเหนื่อย : ดูที่ อาการอ่อนเพลีย 
ข้อพึงระวัง ในช่วงที่มีการระบาดของโรคอุบัติใหม่ (เช่น โรคโควิด 19) หากมีอาการเป็นไข้ หรือ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย หรือ เดินทางกลับจากประเทศหรือพื้นที่ที่มีการระบาด ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

  • 1.

    มีไข้?

  • 2.

    เจ็บหน้าอกรุนแรง?

  • 3.

    เท้าบวม? ร่วมกับ นอนราบไม่ได้ (ต้องนอนหมอนสูง) หรือมีประวัติเป็นโรคหัวใจ/เบาหวาน/ความดันโลหิตสูง?

  • 4.

    มีอาการแน่นหน้าอกข้างหนึ่ง/เจ็บแปลบที่หน้าอกข้างหนึ่งเวลาหายใจเข้าลึกๆ ? หรือ ตรวจพบหลอดลมใหญ่เบี้ยวไปอีกข้าง (ตรงข้ามกับข้างที่มีอาการเจ็บ/แน่นหน้าอก)?

  • 5.

    มีอาการหอบเกิดขึ้นทันที ในเด็กที่เล่นเหรียญสตางค์ กระดุม เมล็ดน้อยหน่า ถั่ว หรือของอื่นๆ หรือ ในผู้ที่สำลักอาหาร หรือกลืนเมล็ดผลไม้ หรือสิ่งแปลกปลอม?

  • 6.

    มีอาการหอบหลังฉีดยา/กินยา? หรือ ถูกผึ้ง/ต่อ/แตน/มดตะนอย/มดคันไฟต่อย?

  • 7.

    เคยเป็นหืดหรือหอบ (หายใจมีเสียงดังวี้ด) บ่อยๆ? มีประวัติเป็นโรคหืดมาก่อน? หรือ หอบเป็นครั้งคราว ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นหืดหรือโรคภูมิแพ้?

  • 8.

    พบในผู้สูงอายุที่มีประวัติสูบบุหรี่จัดมานาน?

  • 9.

    ไอมีเสมหะเป็นหนอง และมีกลิ่นเหม็น?

  • 10.

    ไอมีเสมหะมาก หลังเป็นไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่?

  • 11.

    มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน แต่ขาดการรักษา?

  • 12.

    ตกเลือดรุนแรง ท้องเดินรุนแรง อาเจียนรุนแรง เป็นไข้เรื้อรัง ซีด หรือ กินไม่ได้มาหลายวัน?

  • 13.

    หายใจหอบลึก และมือจีบเกร็งทั้ง 2 ข้าง? ร่วมกับ มีเรื่องขัดใจก่อนหอบ หรือมีประวัติเป็นกลุ่มอาการระบายลมหายใจเกินมาก่อน?

  • 14.

    รู้สึกเหนื่อยง่ายเวลาออกแรงเพียงเล็กน้อย (ไม่มีอาการหายใจหอบ)?

  • 15.

    ไอเรื้อรังในผู้ที่สูบบุหรี่จัด?

ควรไปพบแพทย์ ภายใน 2-3 วัน เพื่อตรวจอาการเพิ่มเติม เนื่องจากอาการของคุณข้างต้นอาจเป็นสัญญาณของ ถุงลมปอดโป่งพอง
หมายเหตุ
ผลตรวจอาการเบื้องต้นดังกล่าว เป็นเพียงอาการ ภาวะ หรือโรคที่พบได้บ่อยเท่านั้น เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ควรเข้ารับการตรวจอาการโดยตรงอีกครั้งจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานพยาบาล ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ถุงลมปอดโป่งพอง
ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง หมายถึงภาวะที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากโรคเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีอยู่หลายโรค ที่สำคัญได้แก่ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังและถุงลมปอดโป่งพอง ทั้ง 2 โรคนี้มักจะพบร่วมกัน ทำให้มีการลดลงของอัตราการไหลเวียนของลมหายใจผ่านปอดขณะหายใจออก จึงมีอากาศคั่งค้างอยู่ในปอดมากกว่าปกติ ประกอบกับการแลกเปลี่ยนอากาศขึ้นได้น้อยกว่าปกติ (มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำลง และระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงขึ้น) เป็นเหตุให้ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยง่าย 
 
หลอดลมอักเสบเรื้อรัง หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลม ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องเรื้อรัง เป็นผลมาจากการถูกสารพิษในบุหรี่หรือสิ่งระคายเคือง ทำให้ขนอ่อน (cilia) พิการ ไม่สามารถโบกพัดเพื่อขจัดเชื้อโรคและสิ่งระคายเคืองออกไป เมื่อเยื่อบุหลอดลมเกิดการอักเสบเรื้อรัง ก็จะทำให้เซลล์เยื่อบุหลอดลมมีการเพิ่มจำนวนและหนาตัวขึ้น รวมทั้งต่อมเมือก (mucous glands) บวมโตและหลั่งเมือก (เสมหะ) ออกมากกว่าปกติ จนทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง เกิดภาวะอุดกั้นขึ้น แพทย์จะวินิจฉัยว่าเป็นหลอดลมอักเสบเรื้อรัง เมื่อพบว่าผู้ป่วยมีอาการไอมีเสมหะมากติดต่อกันทุกวันปีละมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ปี
 
ถุงลมปอดโป่งพอง (ถุงลมพอง ก็เรียก) หมายถึง ภาวะพิการอย่างถาวรของถุงลมในปอด ปกติถุงลมอยู่ปลายสุดของปอด ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนล้าน ๆ ถุง เป็นถุงอากาศเล็ก ๆ มีหลอดเลือดหุ้มอยู่โดยรอบ เป็นที่ซึ่งเกิดการแลกเปลี่ยนอากาศ กล่าวคือ ก๊าชออกซิเจนในถุงลมซึมผ่านผนังถุงลมและหลอดเลือดเข้าไปในกระแสเลือดและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระแสเลือด ซึมกลับออกมาในถุงลม ถุงลมที่ปกติจะมีผนังที่ยืดหยุ่น ทำให้ถุงลมหดและขยายตัวได้คล้ายฟองน้ำ ซึ่งช่วยให้การแลกเปลี่ยนอากาศเป็นไปอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมปอดโป่งพอง จะมีผนังถุงลมที่เสียความยืดหยุ่นและเปราะง่าย ทำให้ถุงลมสูญเสียหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนอากาศ นอกจากนี้ผนังของถุงลมที่เปราะยังมีการแตกทะลุ ทำให้ถุงลมขนาดเล็ก ๆ หลาย ๆ อันรวมตัวเป็นถุงลมที่โป่งพองและพิการ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ จำนวนพื้นผิวของถุงลมที่ยังทำหน้าที่ได้ทั้งหมดลดน้อยลงกว่าปกติ ทำให้ออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้น้อยลง เกิดอาการเหนื่อยหอบง่าย
 
ทั้ง 2 โรคนี้มักจะเกิดร่วมกัน จนบางครั้งแยกกันไม่ออก พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หลอดลมอักเสบเรื้อรังจะพบมากในช่วงอายุ 30-60 ปี ส่วนถุงลมปอดโป่งพองพบมากในช่วงอายุ 45-65 ปี ส่วนใหญ่จะมีประวัติสูบบุหรี่จัด (มากกว่าวันละ 20 มวน) มานานเป็น 10-20 ปีขึ้นไป หรือไม่ก็มีประวัติอยู่ในที่ที่มีอากาศเสีย สูดควันเป็นประจำ หรือมีอาชีพทำงานในโรงงาน หรือเหมืองแร่ที่หายใจเอาสารระคายเคืองเข้าไปเป็นประจำ
 
ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง,หลอดลมอักเสบเรื้อรัง