1. ระบุอาการเบื้องต้น
  2. ตอบคำถาม
  3. ผลตรวจอาการ
  1. 1
  2. 2
  3. 3

แน่นจมูก คัดจมูก หรือมีน้ำมูกไหล
สาเหตุที่พบบ่อย : ไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ติ่งเนื้อเมือกจมูก
ข้อพึงระวัง ในช่วงที่มีการระบาดของโรคอุบัติใหม่ (เช่น โรคโควิด 19) หากมีอาการเป็นไข้ หรือ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย หรือ เดินทางกลับจากประเทศหรือพื้นที่ที่มีการระบาด ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

  • 1.

    มีไข้?

  • 2.

    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด-19 หรือ เข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้? หรือ ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19?

  • 3.

    เป็นหวัดคัดจมูกเรื้อรังเป็นแรมเดือนขึ้นไป ร่วมกับ ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้?

    • น้ำหนักลด?
    • คลำได้ก้อนที่ข้างคอ?
    • เสียงแหบ?
    • หูอื้อ?
    • เลือดกำเดาไหล/มีน้ำมูกปนเลือด?

  • 4.

    น้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียว? หรือ หายใจมีกลิ่นเหม็น?

  • 5.

    จามบ่อย คันจมูก/คันคอ เวลาสัมผัสถูกสิ่งที่แพ้ (เช่น อากาศเย็น ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์) และมีอาการคัดจมูก/น้ำมูกใส? หรือ มีอาการเป็นๆ หายๆ และมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้?

  • 6.

    มีอาการแน่นจมูก หายใจไม่สะดวก พูดเสียงขึ้นจมูกเรื้อรัง เป็นเดือนๆ หรือเป็นปีๆ ? หรือ ตรวจพบก้อนเนื้อผิวเรียบใสสีขาวเทา/เทาเหลือง ในโพรงจมูก?

  • 7.

    มีอาการคัดจมูกหลังใช้ยาพ่นจมูก หรือกินยาบางชนิด?

  • 8.

    น้ำมูกใส? หรือ มีประวัติสัมผัสผู้ที่เป็นไข้หวัด?

  • 9.

    มีอาการคัดจมูก/น้ำมูกไหล เพียงข้างเดียว?

  • 10.

    มีน้ำใสๆ ไหลออกจากจมูกตลอดเวลา หลังจากศีรษะได้รับบาดเจ็บ?

  • 11.

    ปวดศีรษะข้างเดียว (ข้างที่น้ำมูกไหล) อย่างฉับพลัน นานครั้งละ 15 นาที ถึง 3 ชั่วโมง ทุกวัน/วันเว้นวัน? หรือ มีประวัติเป็นโรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์?

ควรไปพบแพทย์ ภายใน 6 ชั่วโมง เพื่อตรวจอาการเพิ่มเติม เนื่องจากอาการของคุณข้างต้นอาจเป็นสัญญาณของ ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์
หมายเหตุ
ผลตรวจอาการเบื้องต้นดังกล่าว เป็นเพียงอาการ ภาวะ หรือโรคที่พบได้บ่อยเท่านั้น เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ควรเข้ารับการตรวจอาการโดยตรงอีกครั้งจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ สถานพยาบาล ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์

ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ เป็นโรคปวดศีรษะข้างเดียวที่มีอาการปวดฉับพลันและรุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ เป็นช่วง ๆ ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรืออันตรายใด ๆ เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างน้อย (ในสหรัฐอเมริกาพบโรคนี้ประมาณ 1-4 คนในประชากร 1,000 คน) พบบ่อยในช่วงอายุ 20-50 ปี แต่ก็อาจเป็นตั้งแต่วัยรุ่นหรือตอนอายุ 50 ปีกว่าก็ได้ 

 

พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ในปัจจุบันพบว่าผู้หญิงได้เป็นโรคนี้มากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมีการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากขึ้น ประกอบกับการวินิจฉัยมีความแม่นยำขึ้น จากเดิมที่ผู้หญิงปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ถูกวินิจฉัยผิดว่าเป็นไมเกรน

 

ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่

  • ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ชนิดครั้งคราว (epidemic cluster headache) ซึ่งพบเป็นส่วนใหญ่ มีอาการปวดนาน 1 สัปดาห์ถึง 1 ปี (ส่วนใหญ่ 2-12 สัปดาห์) และมีการเว้นช่วงที่ปลอดจากอาการนานอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไปก่อนจะเป็นรอบใหม่
  • ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ชนิดเรื้อรัง (chronic cluster headache) ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย (ราวร้อยละ 20) มีอาการปวดติดต่อกันนานมากกว่าหนึ่งปีขึ้นไป โดยไม่มีการเว้นช่วงที่ปลอดจากอาการ หรือเว้นช่วงนานน้อยกว่า 3 เดือนก่อนจะเป็นรอบใหม่   

ทั้งสองชนิดนี้สามารถแปรเปลี่ยนไปมากันได้ ชนิดครั้งคราวอาจกลายมาเป็นชนิดเรื้อรัง หรือชนิดเรื้อรังกลายมาเป็นชนิดครั้งคราว